Summer Stuff.Marine แบรนด์ที่เปรียบเหมือนเพื่อนที่จะเชิญชวนให้คุณรู้จักกับความเพลิดเพลินของเครื่องหอม เบื้องหลังความรู้สึกอ่อนหวานจากแบรนด์นั้นมาจากเพื่อนมหาลัยสองคน ปริม-วริศรา จำปาทอง และ แมส-นันทิกร อิงครัตน์
Summer Stuff.Marine เราเป็นแบรนด์ที่เล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันผ่านโปรดักส์เกี่ยวกับเครื่องหอม สื่อสารไปถึงความรู้สึกจากกลิ่นและแพ็กเกจของเรา เรื่องราวหรือคอนเซปต์ที่อยู่ภายในสินค้าแต่ละตัว มีแรงบันดาลใจและการตีความของเราทั้งสอง เราตั้งใจจะทำให้มันเข้าถึงง่าย สบาย ๆ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องคิดหรือรู้สึกเหมือนพวกเราก็ได้ เพราะทุกคนสามารถได้รับความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละกลิ่นที่ได้ดม
เราเริ่มต้นจากเทียนหอม แต่ในตอนนี้สินค้าที่เราทำออกมายังมีสเปรย์แอลกอฮอล์ สเปรย์อะโรมา เจลอาบน้ำ ครีมทามือ และเรายังมีสินค้าเทศกาลที่เป็นพวกของตกแต่งอยู่ด้วย จะเรียกเราเป็น grocery store (ร้านขายของชำ) เกี่ยวกับเครื่องหอมก็ได้
Image © Summer Stuff.Marine
โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นได้ยังไง
ปริม เริ่มต้นจากปริมกับแมสเป็นเพื่อนจากมัธยมที่เข้ามหาลัยเดียวกัน เราทั้งสองคนเรียนเกี่ยวกับศิลปะ ตอนนั้นปริมหล่อเรซินเป็นรูปทรงต่าง ๆ ขาย และแมสก็วาดภาพประกอบขายอยู่แล้ว เลยชวนกันไปออกบูทขายของในงานมหาลัย ตอนนั้นเป็นนักศึกษาอยู่ไม่อยากใช้เงินเยอะเลยหารโต๊ะขายกันคนละครึ่งโต๊ะ
หลังจากงานนั้นแมสมาชวนบอกว่ามันมีอีเวนต์ที่สนับสนุนนักวาดให้ไปขายของได้ เราก็พอจะเห็นว่ามีกลุ่มตลาดของคนที่สนใจสินค้าแนวนี้เยอะมากพอสมควรเลยเริ่มจะจริงจังขึ้นมา
พอเราไปออกบูธด้วยกันหลาย ๆ อีเวนต์แล้ว เราเริ่มอยากขายอะไรที่มันมีฟังก์ชันมากกว่าการเป็นแค่การขึ้นรูปทรง ก็เลยนึกถึงเทียนหอมเพราะมันสามารถเลือกรูปทรง สี และกลิ่นได้ด้วย ในหัวตอนนั้นไม่ได้มีภาพจบเลยว่าจะทำออกมายังไง เราเลยเอาไอเดียนี้ไปปรึกษากับแมส พอได้คุยกัน แชร์ไอเดียกัน มีการตอบโต้กันมันเลยไม่ใช่ความคิดเราคนเดียวแล้วที่ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แต่เป็นการทำโปรเจกต์ร่วมกัน สุดท้ายพวกเราเลยตัดสินใจทำเทียนหอมที่หน้าตาเหมือนโยเกิร์ตและมีกลิ่นบลูเบอร์รี นี่คือจุดเริ่มต้นเทียนหอมอันแรกของเรา
เอาจริง ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ต้องการทำให้มันออกมาน่ารัก ครั้งแรกที่วางขายเราผลิตแค่ 20 ชิ้น และก็ขายได้น้อยมาก แค่แบบ สองสามอันเท่านั้นเอง วันนั้นเรารู้สึกเฟลกันมาก ยอมรับว่าในหัวปริมเองตอนนั้นคือเตรียมจะยอมแพ้กับการทำโปรเจกต์และไปสมัครงานประจำแล้ว
แต่หลังจากความเฟลนั้นจบไป เป็นช่วงที่แมสเพิ่งลองเล่น Twitter พอดี เลยลองโพสต์เทียนหอมนี้ออกไป ปรากฏว่าทวีตที่โพสต์ไปคนรีทวีตเป็นหมื่น ชีวิตก็เปลี่ยนไปเลยทันที มีคนรีทวีตเป็นหมื่นได้ไง พวกเราไม่รู้และไม่เข้าใจเลย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาติดต่อออร์เดอร์เพิ่มขึ้น เริ่มขายได้มากขึ้น
จากปรากฏการณ์ Twitter ที่เกิดขึ้นมันทำให้พวกเราได้ไปออกอีกอีเวนต์อีกครั้ง พวกเราเตรียมเทียนไปสำหรับงานนี้ 100 กว่าอัน และเราขายหมดภายในสองชั่วโมงแรก พวกเราดีใจมาก มันอธิบายความรู้สึกออกมาไม่ถูกเหมือนกัน การได้เงินหลักหมื่นในระยะเวลาสองชั่วโมง เราเองก็ยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่ ความรู้สึกที่ได้เงินเท่านี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ทำให้เราตัดสินใจทำมันต่อ
ความตั้งใจถัดไปของโปรเจกต์
แมส ตัวแมสเองสนุกกับการได้ออกแบบ ได้ใส่ใจกับการทำแพ็กเกจจิง การได้เล่าเรื่องราวของสินค้า เพราะเวลาที่เราได้ทำสินค้าอะไรสักอย่างออกไปเราจะได้รับผลตอบรับจากลูกค้ากลับมา หน้าตาสินค้าที่เราทำมันช่วยให้เขาอยากใช้สินค้ามากขึ้น อย่างเจลอาบน้ำ บางคนเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ปลื้มการอาบน้ำเท่าไหร่ แต่มันทำให้เขาอยากอาบน้ำมากขึ้น รู้สึกดีที่ได้อาบน้ำ นอกจากนี้ยังเคยมีลูกค้าที่แชร์กลับมาว่าได้ซื้อไปเป็นของฝากคนที่เขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ และมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเวลาได้จุดเทียน เรารู้สึกดีใจกันมากที่มีคนชอบในสิ่งที่เราพยายามใส่ใจไปกับมันจริง ๆ
ปริม ความตั้งใจแรกสุดเลยของปริมเอง คือเราอยากให้สิ่งที่เราทำมันเลี้ยงชีวิตเราได้ พอมันตอบโจทย์ที่ว่าเราสามารถเลี้ยงชีพเราได้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องหางานประจำ เราสัมผัสได้ว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราเขาซื้อไปใช้จริง ๆ ไม่ได้ซื้อไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
หลาย ๆ ครั้งเราได้ฟีดแบ็กที่ดีมันก็เป็นสิ่งที่ให้เราชื่นใจ แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่มีฟีดแบ็กในด้านลบด้วย พอมันมีผลตอบรับในแง่ลบเกิดขึ้น พวกเราก็จะพยายามแก้ไขตรงนี้ให้ได้ พวกเราไม่อยากปล่อยเลยสักจุดต่อให้มันจะเกิดขึ้นเพียงแค่1 ใน 100 แต่พวกเราเองก็ยังรู้สึกว่ามันอาจจะมีคนที่ไม่ได้พูดอีกก็ได้ เพราะเรามีความตั้งใจที่อยากให้ลูกค้าของเราชอบและแฮปปี้กับการได้ใช้ของที่พวกเราทำจริง ๆ
ยกตัวอย่างฟีดแบ็กที่ดีและไม่ดีที่เกิดขึ้นให้ฟังหน่อย
แมส แมสเองทำหน้าที่เป็นแอดมินหลักของโซเชียลมีเดียทั้งหมดด้วย เราจะสังเกตได้จากยอด Engagement (ยอดการเข้าถึง) ว่าผลตอบรับเป็นยังไง แบรนด์เราจะมีการเล่าเรื่องราวของโปรดักส์แต่ละตัวใน Instagram Story ก่อนที่จะวางขายสินค้า รวมทั้งมีการตั้ง Q&A ให้ลูกค้าสามารถสอบถามเกี่ยวกับตัวสินค้าได้ตลอด การที่ลูกค้าตอบโต้กับเรา DM มา ‘รอซื้อค่า’ ‘ขายเมื่อไหร่’ ‘ตัวนี้เมื่อไหร่จะมีกลิ่นใหม่ออกมาอีก’ เราก็จะมั่นใจกับโปรดักส์ที่กำลังจะปล่อยมากขึ้น
ถ้าพูดถึงเร็ว ๆ มานี้ เราได้ทำเจลอาบน้ำออกมาขายเป็นครั้งแรก พวกเราให้ความใส่ใจในการเลือกวัสดุมาก เราใช้ซัปพลายเออร์หลายที่ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ขวดที่โรงงานหนึ่ง ฝาและตัวปิดจุกจากอีกที่หนึ่ง เพราะเราคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวสินค้าเป็นหลัก เราอยากให้มันออกมาตรงความตั้งใจของพวกเราที่สุด
แต่สินค้าตัวนี้เรากลับได้รับฟีดแบ็กด้านลบกลับมาสิบคนภายในหนึ่งวัน เพราะหัวปั๊มลอตแรกของพวกเรามีปัญหาในการใช้งาน หลังจากนั้นเราสองคนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนหัวปั้มให้กับลูกค้าที่ซื้อไปแล้วและสั่งผลิตหัวปั๊มใหม่ทั้งหมด แม้ว่าตอนนั้นหัวปั๊มที่เราสั่งมาในลอตแรกจะมีจำนวนในสต็อกที่เยอะมากก็ตาม
ปริม ในมุมของเจ้าของและผู้ผลิตเราอาจจะรู้สึกว่า ‘ของเราที่เราเลือก เราตั้งใจเลือกมาก ๆ มันดีจะตาย’ แต่ถ้ามันมีผลตอบรับในแง่ลบเกิดขึ้นจริง การที่มีคนมาบอกข้อเสียให้ฟังเราถือว่ามันเป็นมุมที่ดีมาก และพวกเราก็ควรต้องรับฟังอะไรที่มันเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากแบรนด์เราและแก้ไขให้เร็วที่สุด
Image © Summer Stuff.Marine
แรงผลักดันที่ทำให้โปรเจกต์เป็นรูปเป็นร่าง
ปริม สำหรับเราเอง สิ่งที่ทำให้เราไปต่อจนเป็นแบรนด์แบบทุกวันนี้คือเรารู้สึกได้ว่าเรามีลูกค้าประจำที่อยู่กับเราจริง ๆ ด้วยความที่ว่าเราเป็นแค่นักศึกษาที่ทำกันเองไม่มีเงินทุนหรือนายทุน แต่พอมาถึงจุดหนึ่งที่ลูกค้ายังสนับสนุนเรามากขึ้นเรื่อย ๆ และเงินที่ได้จากการทำแบรนด์นี้มันเพียงพอที่ปริมแน่ใจได้ว่าจะลงแรงกับมันได้อย่างเต็มที่ จนมาถึงจุดที่จดบริษัทในตอนนี้
เรามาถึงจุดที่เริ่มมีคนติดต่อมาให้ผลิตแบบ OEM (Orginal Equipment Manufacturer) มากขึ้น และมีแบรนด์ต่างประเทศติดต่อซื้อสินค้าไปขายที่ประเทศของเขา ก่อนจดทะเบียนบริษัทความรู้สึกในตอนนั้นของเราหรือแม้แต่ตอนนี้เรายังคิดว่าพวกเราเป็นแค่แบรนด์เล็ก ๆ เอง แต่เมื่อมันก็มีบริษัทใหญ่ ๆ มาสนใจที่จะให้เราดูแลการผลิต เราก็ ‘เฮ้ย มันต้องจริงจังขึ้นดิ’
Image © Summer Stuff.Marine
ประสบการณ์ระหว่างโปรเจกต์ที่อยากแชร์
แมส ในการเริ่มทำสินค้าอะไรเราต้องวางแผนและใช้เวลาเยอะมาก ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนผลิต การเปิดตัว การโปรโมต ยกตัวอย่างเคสเจลอาบน้ำ พวกเราคิดมาตั้งแต่ปลายปี 2021 แต่ปรากฏว่าเวลาการผลิตใช้เวลายาวนานกว่าหกเดือน มันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องลงเงินเพิ่มไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ขายสักที บวกกับตัวขวดที่เราต้องการทำให้มันดี เราก็เลยปั้นขวดขึ้น 3D ใหม่เลย และยังต้องเทสต์สีให้พวกเราถูกใจ ส่งตรวจ อย. ทุกอย่างมันกินเวลานานมาก มันเป็นประสบการณ์ที่เราต้องเรียนรู้จากตอนแรกที่ทำเทียน การควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเราเอง แต่ครั้งนี้มันเป็นสินค้าที่เกี่ยวพันกับหลายฝ่าย มันเลยต้องวางแผนมากขึ้น
ปริม เราโตขึ้นมาก ๆ เริ่มที่จะควบคุมและจัดการกับองค์ประกอบที่เยอะขึ้นได้ แต่มันก็ทำให้ความสนุกความสดใหม่ที่เรามีในวันแรก ๆ กับโปรเจกต์ มันก็หายไปเหมือนกัน ในตอนนี้เราต้องมองไปถึงเรื่องกำไรขาดทุนมากขึ้น เราเองก็ยังอยากคิดให้ได้แบบวันแรกที่เราเองเริ่มต้น แต่มันจะมีเรื่องแทรกเข้ามาให้เราต้องจริงจังมากขึ้นเสมอ
Image © Summer Stuff.Marine
ในตอนนี้แบ่งงานกันยังไง
ปริม แมสเป็นดีไซเนอร์และแอดมิน กับมาร์เกตเตอร์ ส่วนเราก็เป็นหลังบ้าน คุมสต็อก งานผลิต และดูการสั่งซื้อทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการคิดโปรดักส์ใหม่เราก็จะโยนมาไว้ตรงกลางและคุยกัน นอกจากเราสองคนจริง ๆ ก็จะมีครอบครัวของแมสที่เป็นกำลังหลักให้กับเรา แฟนเราที่ช่วยเหลือเราทุกอย่างที่ทำได้ และยังมีพี่พนักงานอีกสองคนที่ช่วยพวกเราได้เยอะมาก
ในอนาคตของ Summer Stuff.Marine จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แมส คิดว่าปีหน้าอยากจะทำยาดม เพราะปริมติดยาดมมากและแมสก็อยากออกแบบแพ็กเกจจิง นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างที่เริ่มกระบวนการไปแล้ว คิดว่าจะออกปีหน้าแน่นอนคือน้ำหอม และอาจจะมีครีมทาตัวที่เกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย โปรเจกต์อื่น ๆ ที่เราไป x กันกับแบรนด์อื่นก็ยังมีอีกเรื่อยๆ เช่นกัน
ปริม ขอเสริมว่าในเวลาที่เราทำโปรเจกต์อะไรขึ้นมา แมสจะเป็นคนที่ทำการตลาดแบบเพื่อนคุยกับเพื่อน เราและแมสจะคิดตลอดว่าเราเป็นแบรนด์เล็ก การคุยกับลูกค้าก็เลยดูเหมือนเพื่อนมาก ๆ อย่างเช่น การตั้งคำถามบน Instagram เขียนบอกว่าอยากได้ฟีดแบ็กอะไรคนก็จะพยายามเขียนมาให้ หรือบางครั้งลูกค้าทักมาขอให้ทำกลิ่นนั้นกลิ่นนี้สิ หลาย ๆ ครั้งเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากที่คำแนะนำของลูกค้าด้วย หรือบางครั้งมีลูกค้าเก่ามาทวงให้ทำกลิ่นนี้อีกครั้งสิ เราก็เอามันกลับมาพิจารณาด้วยกันดูอีกที สิ่งที่พวกเราได้รับจากลูกค้ามันเยอะมาก บางอย่างเราอาจจะไม่ได้คิดเลย แต่ลูกค้าเป็นคนบอกเราเสมอว่าเราควรจะทำอะไรให้กับลูกค้าเองได้ใช้มันและชอบมัน
คิดว่าจุดเด่นของ Summer Stuff.Marine คืออะไร
แมส เราคิดว่าหนึ่งเลยคือแพ็กเกจจิง คนชอบซื้อไปเป็นของขวัญให้คนอื่น หรือบางทีก็แค่ชอบให้อยู่ในห้อง สองคือเรื่องกลิ่น แบรนด์เรามีกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เราเบรนด์กลิ่นที่เรามองกันว่าลูกค้าชอบ กลิ่นส่วนใหญ่จะเบลนด์ขึ้นมาใหม่หมดให้เป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของแบรนด์เรา และสามเราคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราคา เราพยายามคุมราคาไม่ให้แพงเกินไป เพราะเรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นคนอายุน้อยที่และอยากซื้อสินค้าในราคาที่พอดี จับต้องได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย
โปรเจกต์ที่อยากแนะนำให้รู้จัก
แมส อยากแนะนำเจลอาบน้ำ เราชอบโปรเจกต์นี้มาก ต้องเล่าก่อนว่าก่อนหน้านี้ Summer Stuff.Marine จะออกเทียนกลิ่นใหม่เรื่อย ๆ จนมันเยอะมาก ไม่จบไม่สิ้น มีกลิ่นอะไรก็ออกมาเป็นเทียน แต่ตอนนี้เราเริ่มมองอีกแบบหนึ่ง ตอนนั้นปริมพูดขึ้นมาว่าความจริงลูกค้าเขาไม่ได้อยากจะเปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อย ๆ รึเปล่า แต่เราอาจจะชอบใช้กลิ่นเดิมที่เขาชอบอยู่แล้ว ทีนี้ก็เกิดไอเดียว่าเราก็ควรมีกลิ่นซิกเนเชอร์ของ Summer Stuff.Marine ทั้งหมด 4 กลิ่น Summer Reminder, A day at home, Thank gosh it's party time, Sunray on Sunday และนำออกมาแตกโปรดักส์อื่น ๆ ต่อได้
Image © Summer Stuff.Marine
แนะนำสำหรับคนที่กำลังทำโปรเจกต์ส่วนตัว
ปริม ถ้าเราย้อนกลับไปถึงตัวเองในวันแรกคือมีเงินอยู่ 1,000 บาท แบ่งออกมา 600 บาท แล้วกัน เพื่อที่จะเอาไปใส่สุดกับการลงทุน ทำอะไรได้เราจะไปให้สุด โดยเราจะแบ่งในส่วนที่เรากันพลาดไว้แล้ว เราอาจจะอ้างอิงกับเรื่องเงินเป็นหลัก เพราะตอนเราเริ่ม เราเป็นแค่นักศึกษาที่ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น เราก็เอา 40% เก็บไว้แล้ว 60% ก็เต็มที่กับมัน
แมส สำหรับเราถ้าอยากทำอะไรทำเลย เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราอยากทำมันจะสำเร็จไหม ถ้าเราไม่ลงมือ ไม่ทำก็ไม่รู้หรอก ส่วนใหญ่แมสใช้ความรู้สึกนำ เอาความอยากทำเป็นหลัก จะเห็นได้ว่าพื้นฐานหรือวิธีคิดแมสกับปริมจะไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากทำธุรกิจให้ลองเริ่มจากการทำทีละน้อยก่อน แล้วลองโพสต์คุยกับคนอื่นในโซเชียลเพื่อรับความเห็นจากผู้คนจริง ๆ ทำเยอะไปมันอาจจะเจ็บหนัก แต่ถึงยังไงก็ต้องทำไปก่อนเพื่อให้รู้
เราสองคนเป็นคนที่ต่างกันมากในเรื่องวิธีคิดและพื้นฐานใช้ชีวิต หรือแม้แต่วิธีทำงาน แต่เราก็ต่างช่วยเหลือกันในมุมที่เราถนัดได้ดี
สิ่งที่ทำในชีวิตประจำวันที่คนอื่นไม่รู้
แมส เราชอบทำ To-do list ของทุกวัน คือเราอาจจะไม่ได้ทำสำเร็จทุกอย่างที่อยู่ในลิสต์ แต่อย่างน้อยก็เป็นการกำหนดขอบเขตให้เราพอมองออกว่าวันนี้จะต้องทำอะไรบ้างและก็เป็นคนชอบวาดรูปตอนกลางคืน เรารู้สึกว่างานที่ดีมันออกมาในช่วงกำลังจะนอนแล้ว (หัวเราะ) ช่วงเที่ยงคืนจะชอบทักไปหาปริมว่ามีโจทย์อะไรที่ต้องวาดไหม มันอาจจะเพราะเราเองทำงานเป็นแอดมินของแบรนด์ด้วย มันเลยเหมือนออนไลน์อยู่ตลอดเวลา และเวลาที่เราอยากได้แรงบันดาลใจ เราชอบไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีของเยอะ ๆ บางทีมันก็จะได้ไอเดียในการทำสินค้ากับ Summer Stuff.Marine เหมือนกัน
ปริม เราสองคนเป็นคนที่ต่างกันมาก เราจะไม่ได้อินหรือคิดงานตลอด 24 ชม. แบบแมส เวลาเลิกงานจะไปหาอะไรทำสนุก ๆ เช่นการคีบตุ๊กตา คือเราว่ามันมีอะไรที่เราจอยมากกว่าการมานั่งทำแต่แบรนด์ตัวเองและเราก็รู้สึกว่า อยากจะทำอะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่เราทำประจำทุกวัน สิ่งหนึ่งที่เราอยากทำอะไรที่แปลกไปจากชีวิตประจำวัน เพราะเราคิดว่ามันอาจจะให้อะไรกับเราที่เราพลาดมันไป บางทีแมสเองก็จะทักมาตอนกลางคืน คือในตอนนั้นเราก็ไม่อยากทำงานแล้ว (หัวเราะ)
ประสบการณ์ที่ดีระหว่างการทำโปรเจกต์ที่อยากแชร์
ปริม ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ เราไม่เคยคิดเลยว่าจะถึงจุดที่ต้องจดบริษัท มันเหมือนสถานการณ์ต่าง ๆ มันพาเราไปเอง ตอนแรกมันอาจจะดูธรรมดามาก ๆ แต่ในทุก ๆ วันที่เราทำมันเราเก่งขึ้นและเห็นปัญหากับวิธีแก้ปัญหาที่มากขึ้น และมันจะไปของมันได้เอง เราว่าเราก็เป็นเด็กน้อยอยู่ในหลาย ๆ เรื่อง คงไม่สามารถสอนใครได้ แต่เรารู้สึกเก่งขึ้นมากจากการทำแบรนด์
แมส เราชอบตอนได้เจอกับลูกค้าตัวจริง คือมันได้พูดคุย ได้ถาม ได้เห็นปฏิกิริยาของเขาจริง ๆ
ตอนไหนที่ดีใจที่สุดในระหว่างทำโปรเจกต์
แมส ชอบตอนที่เราได้วาดภาพของโปรดักส์เสร็จ ความรู้สึกในตอนนั้นคือเรารู้สึกว่าถ้าชอบภาพนี้มากมันก็ต้องมีคนอื่นที่คิดเหมือนเราแน่
ปริม ชอบตอนแพ็กของ เราว่าเรามีความเป็นแม่ค้าอยู่สูง บางทีออร์เดอร์มาน้อย งานแพ็กของก็น้อยตาม แต่เรากลับรู้สึกเหนื่อย กลับกันถ้าออร์เดอร์มาเยอะแบบต้องทำงานเยอะมาก แพ็กเยอะมากนะ แต่ไม่เหนื่อยเลย (หัวเราะ)
สถานที่ที่คุณและทีมชอบ
แมส ออฟฟิศในปัจจุบัน เพราะมันทำให้มีสัดส่วนขึ้นมาก จากเมื่อก่อนที่เรากับปริมคือนั่งแพ็กกันที่ในห้องนอน
ปริม ตอนนี้ก็คงเป็นชอบออฟฟิศใหม่เหมือนกัน เพราะเราลงแรงทุกอย่างไปกับออฟฟิศนี้ แต่ถ้าเมื่อก่อนคือตอนเรียนเราเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องเงินเยอะมาก ความฝันในตอนนั้นคืออยากจะไปญี่ปุ่น แต่โอกาสมันยากมากจนทำ Summer Stuff.Marine แบรนด์นี้ทำให้ความฝันการได้ไปญี่ปุ่นของเราเป็นจริง ถ้าตอบตอนนั้นญี่ปุ่นก็คงเป็นที่ที่เราชอบมากที่สุด
สีที่ชอบที่สุด
แมส ครีม ชอบสีครีม เพราะมันเป็นสีที่เข้ากับสีอื่นได้ง่าย ไปอยู่กับสีไหนมันก็ดูกลมกลืน
ปริม ไม่แน่ใจเลย แต่คิดว่าสีฟ้ามั้ง เพราะเวลาเราวาดรูปเราชอบเอาสีฟ้ามาเป็นพื้นหลังตลอดเลย มันจะให้ความรู้สึกว่ามันทำให้สมบูรณ์