PATTARAPHAN แบรนด์เครื่องประดับไทยร่วมสมัย ที่สะท้อนเรื่องราวความทรงจำจากตัวตนความเป็นไทยจากมุมมองของ นก-ภัทรพรรณ สาลีรัฐวิภาค ผู้ก่อตั้งแบรนด์
ภัทรพรรณมีความหมายว่าผิวพรรณงาม เป็นชื่อที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ซึ่งตัวเราไม่เคยชอบชื่อนี้เลย แต่เมื่อได้ทำแบรนด์ของตัวเอง ดันกลายเป็นชื่อที่มีความหมายและเกี่ยวข้องต่อตัวตนของแบรนด์และตัวเราเองได้เป็นอย่างดี
เครื่องประดับทุกชิ้นถูกผลิตขึ้นจากช่างฝีมือคนไทย แม้จุดเริ่มต้นของเครื่องประดับจะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของนก ซึ่งผู้สวมใส่อาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นก็ได้ แต่เครื่องประดับของเราได้ทำให้ผู้ใส่รู้สึกดี และได้ให้ความหมายใหม่เมื่อได้สวมใส่เครื่องประดับของเรา นั่นคือเป้าหมายในการทำแบรนด์ของเรา
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ PATTARAPHAN
PATTARAPHAN เริ่มต้นในช่วงที่นกกำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ที่ Pratt Institute ด้าน Fine Arts ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา แรกเริ่มนกเลือกเรียน Interior Design (ออกแบบภายใน) ซึ่งเรารู้สึกตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการเรียนว่าเราไม่ได้ชอบสาขานี้เลย เราเลยขอเปลี่ยนสาขาเรียน แต่ในตอนนั้นมีให้เลือกแค่ 2 สาขาเท่านั้น คือ Communication Design (ออกแบบนิเทศศิลป์) และ Jewelry (ออกแบบเครื่องประดับ) ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตถูกกำหนดไปอยู่ในจุดที่เป็น cross road (ทางแยก) ได้ยังไงเหมือนกัน ความตั้งใจแรกของเราอยากจะเลือก Communication Design นะ แต่มันเต็ม สุดท้ายเลยได้เข้าไปเรียนที่สาขา Jewelry แทน
ครั้งแรกที่ได้เริ่มเข้าเรียนคลาสเครื่องประดับ เรามีความรู้สึกในทันทีว่าได้เจออะไรบางอย่างที่ตามหา รู้สึกมีแพสชันกับมันอย่างมาก และทำให้ย้อนนึกถึงตัวเองในวัยเด็กด้วย ว่าเคยได้มีโอกาสไปที่บ้านคุณยายและคุณยายจะชอบเปิดกล่องเครื่องประดับให้เราดู เราชอบใช้เวลานั่งเล่นเครื่องประดับของคุณยาย ลองใส่ ลองจับเครื่องประดับที่คุณยายรัก แม้เรื่องราวเหล่านี้เราแทบจำไม่ได้และไม่เคยนึกถึงมันมานานมาก แต่พอได้ทำเครื่องประดับมันทำให้เราระลึกกลับไปหาความทรงจำในตอนนั้นได้
ตอนเด็กเรายังชอบเข้าไปห้องพระของคุณยายและเล่นกับ wax ของเทียนที่อยู่ในห้องพระด้วย ซึ่งความจริงมันอันตรายมากกับเด็ก แต่เราชอบที่จะดูเทียนละลายลงมา พยายามจับ wax ขึ้นมาปั้น แต่ไม่เคยทำได้เพราะ wax ของเทียนจะเย็นเร็วเกินไป ภาพเหล่านั้นมันกลับมาอีกครั้ง เมื่อได้เรียนทำเครื่องประดับ เราได้ใช้ jewelry wax ในการสร้างเครื่องประดับชิ้นนึงขึ้นมากับมือเราเอง
ปีสุดท้ายระหว่างทำทีสิสเราได้ปรึกษากับรูมเมตว่า ‘อยากทำแบรนด์ตัวเอง’ จริง ๆ พูดขึ้นมาลอย ๆ แต่รูมเมทก็พูดตอบกลับมาว่า ‘รออะไรอยู่ ทำเลย’ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เป็นเหมือนก้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงตอนนี้
ช่วยเล่าต้นเหตุที่ใช้ชื่อแบรนด์ PATTARAPHAN และจุดเริ่มต้นของคอลเล็กชันแรกให้ฟังหน่อย
จุดเริ่มต้นที่จริงแล้วเกิดขึ้นตอนทำทีสิส นกมีโอกาสได้ออกแบบเครื่องประดับจากแนวคิดเรื่องความ Vulnerability หรือความเปราะบางทางอารมณ์ ในตอนนั้นตัวเราเองอินกับเรื่องนี้มาก เพราะเราเป็นคนเซนซิทีฟมาก แต่อยากนำเสนอว่าเราสามารถใช้ความอ่อนไหวนี้ให้เป็นความแข็งแรงของเราได้ เลยนำเรื่องราวและประสบการณ์ส่วนตัวมาสื่อสารผ่านเครื่องประดับเซตนี้ โดยใช้ชื่อตัวเอง ‘ภัทรพรรณ’ ที่แปลว่าผิวพรรณที่งดงามบวกกับเรื่อง body image issues หรือการถูกวิจารณ์ร่างกายและรูปลักษณ์ภายนอก จากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เจอมาในชีวิต นำมาสื่อสารในแง่ของความเป็น Second Skin แม้ในตอนนั้นเราจะยังไม่ได้ชอบชื่อตัวเองเท่าไหร่ แต่เรารู้สึกว่ามันมีความหมายที่สอดคล้องกันอยู่ระหว่างตัวเรากับคอนเซปต์เลยใช้ชื่อเราเป็นชื่อโปรเจกต์
ช่วงนั้นอายุ 21-22 ปี ยังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนหลาย ๆ อย่างในชีวิต เอาจริง ๆ ตอนนั้นคืออกหักอยู่ด้วย ช่วงเวลาเดียวกับตอนที่เรากำลังมองหาคอนเซปต์สำหรับคอลเล็กชันแรกของแบรนด์ เราได้มีโอกาสไปดูผลงานภาพวาดของ Georgia O'Keeffe ที่ Brooklyn Musuem ซึ่งโดยปกติเราเคยเห็นภาพเขียนรูปดอกไม้ของเขากันอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยเห็นภาพเขียนที่เป็นรูปกระดูกของเขาเลย
Georgia O'Keeffe, Pelvis IV, 1944
งานแสดงโชว์นั้นไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่มาก แต่นกกลับใช้เวลาอยู่ภายในนั้นเกือบชั่วโมงครึ่ง สำหรับนกภาพกระดูกของ Georgia O'Keeffe มันเมกเซนส์บางอย่างกับเรามาก สีขาวที่ตัดกับสีฟ้ามันกำลังพูดบางอย่างกับเราที่กำลังเริ่มดีขึ้นหลังจากอกหัก นกเลยอยากจะนำกระดูกมาแสดงถึง Remnant (สิ่งที่หลงเหลืออยู่) จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นและหายไป โดยตั้งชื่อคอลเล็กชันนี้ว่า ‘REMNANTS’ ปัจจุบันสินค้าบางตัวยังมีขายอยู่ แต่บางชิ้นก็ได้ Archives ไปแล้ว และบางชิ้นได้ทำใหม่ขึ้นมาให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
การเรียนปริญญาตรีที่ Pratt Institute เราเรียนเหมือนเป็นช่างฝีมือเลย แต่มันจะเรียกว่าเป็นการทำ Art Jewerly มากกว่า เพราะเป็นออกแบบและทำหนึ่งชิ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราเริ่มทำแบรนด์ของตัวเองเรารู้ว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้ เราอยากให้งานของเราเข้าถึงคนหลากหลายกลุ่ม จำเป็นที่ต้องผลิตได้ให้ Commercial มากขึ้น จึงตัดสินใจเลือกทำเป็น Line Jewerly/ Collection Jewerly แทนที่จะเป็น Studio Jewerly
ทำอย่างไรถึงมั่นใจแล้วว่านี่คือเครื่องประดับที่ออกมาจาก PATTARAPHAN
เวลานกได้ไอเดียของเครื่องประดับที่เราจะออกแบบแล้ว นกพยายามที่จะคิดและทำให้ทุกคอนเซปต์ออกมาให้ดีไซน์ดูซับซ้อนน้อยที่สุด เพราะส่วนตัวนกเองจะชอบวิธีคิดแบบ Minimalist แต่ความยากจะไปอยู่ที่การผลิตและการประกอบชิ้นงาน อาทิเช่น คอลเล็กชัน ‘LOCKET’ ที่มาจากนวนิยายเรื่องปริศนา หนึ่งในนิยายที่เราชอบมาก อ่านไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว เราออกแบบซ่อนตัวเปิดปิดและบานพับล็อกเก็ตไว้ในตัวเลย ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะผลิตด้วยวิธีนี้ หรือ ดีไซน์ฝากระป๋องในคอลเล็กชัน ‘PRESSURE’ เราจะเห็นภาพของ Pressure (แรงอัด) ตอนที่โดนแรงกดให้เปิดออก ที่มาจากความกดดันในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่
เมื่อได้แกนคอนเซปต์ของเครื่องประดับแล้ว นกก็จะมาอยู่กับทุก ๆ ดีเทลของการออกแบบ เพราะเราให้ความสำคัญกับรายละเอียดมากที่สุด เพื่อการสวมใส่ที่สวยที่สุด แม้รายละเอียดที่คนอาจจะไม่ได้เห็นหรืออาจจะดูไม่ออก แต่เรารู้สึกมั่นใจกับสิ่งที่เราเลือกและทดลองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ลูกค้าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก แค่ใส่แล้วรู้สึกว่าสวยเท่านั้น เพราะเราคิดมาให้หมดแล้ว
สิ่งนึงที่ทำให้นกมีความมั่นใจมากในทุก ๆ คอลเล็กชันของ PATTARAPHAN เพราะ Motto (คำขวัญ) ที่ได้จากตอนที่กำลังเรียน Painting อยู่ อาจารย์เดินเข้ามาถามนกว่า ‘How you feel about your work?’ (คุณรู้สึกอย่างไรกับผลงานของคุณ) พอเราได้ยินคำถามนั้น อาจจะเพราะเราเป็นคนเอเซียที่ไม่กล้าตอบและยังมีความไม่มั่นใจอยู่ เราเลยถามเขากลับไปว่า ‘แล้วอาจารย์คิดยังไงกับงานของนก’ เหมือนเราไม่มั่นใจและต้องการขอคำยืนยันบางอย่างจากอาจารย์ว่ามันดี
ครูเลยตอบกลับมาว่ารู้ไหมว่า Motto ของโรงเรียนคืออะไร ‘Be true to your work and your work will be true to you’ (ถ้าเรามีความจริงใจกับงานเราแล้วงานเราจะจริงใจกับเรา) ถ้าคุณทำแล้วคุณแฮปปี้ไม่ติดขัดอะไร คนที่มาดูก็จะรู้สึกได้ว่าเราชอบและรู้สึกกับมันจริง ๆ แต่ถ้าตัวคุณไม่ชอบหรือมันออกมาไม่เป็นตัวคุณ ใครที่มาดูก็จะสัมผัสได้ถึงความขัดบางอย่างเช่นกัน เราว่ามันสามารถใช้ได้กับทุกอย่าง มันเป็นคำสอนที่เราใช้อยู่ตลอดเวลา
ในตอนแรกมองว่าแบรนด์ PATTARAPHAN เป็น Thai Brand หรือ Global Brand
เริ่มต้นคืออยากทำสิ่งที่ตัวเองคิดไว้แค่นั้นเอง แต่ถ้าถามว่าถึงตอนนั้นเราก็มองว่าเป็น Global Brand อยู่แล้ว ก่อนเริ่มทำแบรนด์นกบ้าฝึกงานมาก และได้มีโอกาสฝึกงานที่ในธุรกิจเครื่องประดับตั้งแต่ยังไม่เริ่มเทอมด้วยซ้ำ จนได้มาฝึกงานในปีสุดท้ายที่ Oscar de la Renta และการไปเป็นพนักงานขายให้กับแบรนด์ Fine Jewelry แห่งนึงที่บรูคลิน ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่โรงเรียนไม่เคยสอน
อย่างเรื่องการขายของเลย เราไม่มีความรู้เชิงพาณิชย์เลย เพราะเราเรียนมาเหมือนเป็นศิลปินแต่เรามองว่ามันสำคัญมากที่จะขายของให้เป็น เราเลยพยายามที่จะเข้าไปอยู่จุดที่เป็นเบื้องหลัง ตั้งแต่เรื่องของงานขายไปถึงโปรดักชัน หรือแม้แต่เรื่องของการตั้งราคาก็สำคัญ การฝึกงานหรือเป็นพนักงานขายทำให้เราเข้าใจระบบธุรกิจและเข้าใจว่าแบรนด์ระดับสากลมีวิธีการทำงานกันยังไง
เราเต็มที่กับการฝึกงานมากและเรารู้สึกว่าเราเห็นอะไรมากขึ้นจนเริ่มให้เรามั่นใจว่าเราทำได้ แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนะ
จุดที่ทำให้แบรนด์ kick-start ออกมาได้
พอรูมเมตบอกว่า ‘ทำเลย’ เราก็ทำเลย มันอาจจะดูบ้าคลั่งเพราะตอนนั้นเราอาจจะยังเด็กและยังมีความไร้เดียงสาต่อหลายอย่าง ซึ่งถ้าเรามีประสบการณ์มากกว่านั้น เราอาจจะเตรียมตัวนานกว่านี้ก็ได้ เราแค่ทำมันมาเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง
ถ้าให้มองย้อนกลับไปถามตัวเองในตอนนั้น ก็คิดว่าหากเรามีเวลามากกว่านี้ก็คงดี หาประสบการณ์เพิ่มก่อนทำแบรนด์ตัวเอง เพราะพอเริ่มไปแล้วมันหยุดไม่ได้เลย ถ้าตอนนี้มีเพื่อนเข้ามาถามเราว่า ‘ทำแบรนด์ดีไหม’ เราจะตอบว่า ‘ถ้าเริ่มแล้วคือหยุดไม่ได้นะ’ แต่เราก็เชื่อว่ามันไม่มีใครที่พร้อมจริง ๆ หรอก มันมีแค่สามารถหาความรู้ เตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าปกติเท่านั้นเอง
แม้แต่ตัวนกเองที่ตั้งเป้าหมายระยะสั้นไว้ บางทีก็ยังทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะมันมีตัวแปรที่หลากหลายอื่น ๆ อีกเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การได้วางสินค้าในห้างฯ ที่ต้องอาศัย Traffic (การสัญจร) เยอะ ๆ หรือการมีสื่อดี ๆ มาช่วยกระจายเรื่องราวของแบรนด์ ซึ่งไม่ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกของการทำแบรนด์
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์มาจนถึงตอนนี้คิดว่าพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ไหม
เรามีหลายโมเมนต์ที่ท้อและเหนื่อย แต่พยายามคิดเสมอว่าถ้าตัวนกตอนอายุ 19 ที่เพิ่งเปลี่ยน สาขามาเรียนเครื่องประดับ มองเห็นนกในตอนนี้คงรู้สึกภูมิใจมาก
ประสบการณ์จากแบรนด์ PATTARAPHAN ที่อยากแชร์
พอเรามาถึงจุดที่รู้สึกว่าทีมแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถเปิดหน้าร้านได้ เราภูมิใจกับมันมาก ๆ เราเชื่อมั่นในทีมที่มีอยู่ตอนนี้มาก การได้เปิดร้านออฟไลน์ของ PATTARAPHAN แบบถาวรเป็นครั้งแรก เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์จริงกับสินค้า และทำให้ผู้คนที่ติดตามเราสามารถเข้ามาหยิบและสัมผัสกับสินค้าจริงได้ เรามองว่ามันคือ Milestone (เหตุการณ์ที่สำคัญ) ของแบรนด์มาตลอด
จากที่เราได้ทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องประดับที่เมืองนอก เรารู้ดีว่าระบบของ Retail (การค้าปลีก) มันมีรายละเอียดที่เยอะมาก แบรนด์เราเองก็ถือว่ามีสินค้าราคาระดับกลางปลาย เราให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าและต้องการใส่ใจในทุกรายละเอียดเท่าที่สามารถทำได้ และหวังว่าจะสานต่อ Flagship Store ของเราในด้าน brand experience ต่อ ๆ ไปค่ะ
ประสบการณ์ไหนที่มองว่ามันยากในการเป็นเจ้าของแบรนด์
คิดว่าเป็นเรื่องของ Customer Service (งานบริการ) ตอนเรียนไม่มีใครสอนเรื่องนี้เลย และเป็นสิ่งที่ไม่ได้สื่อสารหรือสอนกันในรูปแบบบทเรียน มันเป็นเรื่องของวิธีคิดและวิธีการเฉพาะของแต่ละแบรนด์ด้วย ตัวนกเองได้ทำ Service Guidelines (แนวทางปฎิบัติงานบริการ) ของแบรนด์ให้กับพนักงานเพื่อตอบคำถามลูกค้าให้ดีที่สุด ซึ่งจากเปิดร้านมาเราดีใจมากเพราะลูกค้าของเราส่วนใหญ่ทุกคนน่ารักมาก
มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอ เราต้องอธิบายและตอบปัญหาของลูกค้าของเราให้ดีที่สุด นอกเหนือจากหน้าร้านก็มีในส่วนของออนไลน์ นกมองว่าโลกโซเชียลมีเดียมีความสำคัญมากในปัจจุบัน หากเกิดความผิดพลาดแม้แค่ครั้งเดียว อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ หรืออาจทำไปสู่การสร้าง cancel culture (การคว่ำบาตร) ตามมาได้อีกด้วย
บางคนมองแบรนด์เราเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ แน่นอนเราอาจจะเป็นหนึ่งแบรนด์ในไทยที่อยู่ในจุดที่ดีและมีฐานลูกค้า แต่ความคาดหวังหลาย ๆ อย่างที่เทียบเท่ากับแบรนด์ระดับท็อปของโลกที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานกว่าร้อยปีนั้น มันไม่สามารถเทียบกันได้ เรายังเล็กมาเทียบกับแบรนด์ global พวกนั้น แต่ทุกคนในทีมตอนนี้รวมถึงตัวนกยืนยันได้เลยว่าทุกคนทำเต็มที่มาก ๆ และนกดีใจที่มีทุกคนอยู่ตอนนี้ นกหวังว่า PATTARAPHAN จะอยู่ไปเป็นอีกหลายร้อยปีเหมือนกัน และขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ได้ให้ความสนับสนุนเราในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
เป้าหมายในอนาคตของ PATTARAPHAN
เรากำลังดีใจกับร้านแรกของเรา และคิดว่าพยายามจะเพิ่มประสบการณ์ที่ดีของการมีหน้าร้านให้มากขึ้นอีกได้อย่างไรอีก อย่างสร้าง community ให้กับลูกค้าไปเรื่อยๆ แต่เป้าหมายถัดไปเราอยากขยายหน้าร้านออกไปต่างประเทศด้วย อาจจะเป็นการดีล กับ ร้านค้าปลีกที่ดีที่สินค้าของเราตรงกับเขาก็เป็นได้
โปรเจกต์ที่คุณนกอยากแนะนำให้รู้จัก
อยากให้ทุกคนมาร้าน PATTARAPHAN ที่ทองหล่อ เราถือเป็นแบรนด์เครื่องประดับแรกที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองในย่านทองหล่อ ผู้คนที่มาทองหล่ออาจจะคิดถึงแสงสีเสียงหรืออาหาร แต่นกมองว่าเรื่อง shopping experience (ประสบการณ์การซื้อของ) ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในย่านนี้ มันอาจจะช่วยส่งเสริมมุมมองใหม่ ๆ ของทองหล่อที่ไม่จำเป็นจะต้องมีแค่แสงสีเสียงอย่างเดียวได้ แต่เป็นย่านที่มีความหลากหลายและสิ่งน่าสนใจเกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ
คำแนะนำสำหรับคนเริ่มต้นทำโปรเจกต์
เราแนะนำทุกคนมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนะ สมมุติว่าถ้าเราเจอแบรนด์ที่ตัวเองชอบและมีความสุขเวลาได้ทำแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำแบรนด์ตัวเองก็ได้ ถ้าไม่ได้ทำแบรนด์ตัวเอง เราคงอยากทำอะไรแบบนี้ แต่ถ้าอยากทำแบรนด์ของตัวเองจริง ๆ เราบอกได้เลยว่าไม่มีใครพร้อมหรือเกิดคำว่าพร้อมก่อนทำ ควรหาสิ่งที่รักให้มาเป็นธุรกิจ เพราะเราต้องอยู่กับมันไปตลอด
การเป็นเจ้าของแบรนด์เราต้องหาความรู้ หาประสบการณ์กับคนที่ใกล้เคียงในวงการอยู่ตลอด เพื่อให้เราได้เก็บเกี่ยวความรู้ตรงนั้นให้มากที่สุด มันจะทำให้เรารู้สึกว่าสามารถรับมือได้มากขึ้น แต่ก็ต้องสู้มาก เพราะทุกวันนี้การเป็นเจ้าของคือการทำงาน 24 ชั่วโมงเลย มันไม่ง่ายและมีปัญหาตลอด เราต้องทำตัวให้พร้อมเสมอและต้องมีมายด์เซตที่ชอบแก้ไขปัญหาด้วย
สถานที่ไหนที่ PATTARAPHAN ชอบที่สุด
ชอบไปมิวเซียม ชอบมากเพราะรู้สึกเวลาที่ได้เข้าไปในมิวเซียมมันเหมือนเราเชื่อมกับเรื่องราวของคนที่เคยอยู่มาก่อนเรา
ถึงบางงานที่ได้ชมจะอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากมันได้เสมอ หลาย ๆ ครั้งมันสอนนกเรื่องคอนเซปต์ของการใช้สี หรือบางทีอาจจะไม่ได้สอนอะไรเลยนอกจากได้ให้ความรู้สึกที่เรารับรู้จากผลงานนั้น ๆ ซึ่งนกมองว่าในฐานะมนุษย์คนนึง เราอยู่ไม่ได้หากเราไม่มี inspiration (แรงบันดาลใจ)
สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของ PATTARAPHAN
สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกของทุกวันคือเช็กออร์เดอร์ ไม่อยากจะพลาดให้ตกหล่นตรงไหนเลย แต่ส่วนใหญ่นกจะใช้เวลาอยู่กับ Product Development (กระบวนการพัฒนาโปรดักส์) เรื่องของแบบ ขนาด ดีไซน์ กว่าจะมาเป็นสินค้าชิ้นนึงมีการแก้ไขตลอดเวลาในทุกรายละเอียด ต้องขอบคุณทางโรงงานที่กระตือรือร้นช่วยแก้ไขปัญหาไปด้วยกันและเข้าใจในทุก ๆ รายละเอียดที่เราให้ความสำคัญ นอกจากนั้นคือบัญชี เรื่องแอดมินต่าง ๆ เราทำหมดเลย ทุกวันต้องวางแผนเรื่องแบรนด์ตลอด ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น การผลิต หรือ ออกสินค้าใหม่
ช่วงเวลาที่ดีใจที่สุดในการทำ PATTARAPHAN
จริง ๆ เราดีใจกับทุก ๆ โมเมนต์จริง ๆ ที่เด่นที่สุดคงเป็นการได้เปิดร้าน แต่การมีออร์เดอร์เข้ามาในทุกๆ วัน หรือแม้แต่แค่ส่งของเสร็จ เราก็ดีใจแล้ว ดีใจในความสำเร็จในทุก ๆ วัน ได้ทำภารกิจในแต่ละวันให้เสร็จสิ้น ซึ่งนกคิดว่านกได้เจอแพสชันที่นกตามหาและแฮปปี้กับที่ตรงนี้มาก ๆ แล้ว
เลือกสีประจำบทความ
คงเป็นสีของแบรนด์ที่เราเรียกว่า Muted Rose เป็นสีชมพูที่อยู่ภายใต้ สเปรกตรัมของสี เรามองว่าสีนี้เหมาะมากที่ทำให้นึกถึงสีผิวของคน ตรงกับตัวคอนเซปต์ของแบรนด์ Decorate Your Body และเป็นสีที่มองแล้วไม่นึกถึงเพศเดียว ไม่ดูผู้หญิงมากและผู้ชายมาก เป็นสีกลาง ๆ ที่ไม่เสียงดังและให้ความรู้สึกที่อบอุ่น
สิ่งสุดท้ายนกอยากฝากขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้ความสนับสนุนแบรนด์มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าจะแค่เข้ามากดฟอลโลว์หรือกดไลก์ หรือพูดถึง นกดีใจมากที่สามารถทำแบรนด์ต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อก่อนต้องอธิบายตัวเองและแบรนด์เยอะมาก แต่ตอนนี้แทบจะไม่ต้องอธิบายแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากการซัปพอร์ตจากคนรอบข้างจริง ๆ คิดจริง ๆ ว่าถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้